สลายไขมันเฉพาะจุด เทคนิคกำจัดไขมันส่วนเกินแบบไม่ผ่าตัด
ไขมันส่วนเกินเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างหนัก ก็อาจไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้หมด โดยเฉพาะไขมันที่สะสมอยู่เฉพาะจุด เช่น ไขมันหน้าท้อง ไขมันต้นขา ไขมันต้นแขน เป็นต้น
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์มากมายที่สามารถช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
เทคโนโลยีสลายไขมันเฉพาะจุด
เทคโนโลยีสลายไขมันเฉพาะจุดในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้
-
การฉีดยาสลายไขมัน เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด เป็นการฉีดยาที่มีส่วนผสมของสารลิโพสไลท์เข้าไปในไขมันส่วนเกิน ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกดูดซึมออกไปทางระบบน้ำเหลือง
-
การนวดกระชับสัดส่วน เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัวและถูกขับออกจากร่างกาย
-
การกำจัดไขมันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปทำลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกดูดซึมออกไปทางระบบน้ำเหลือง
-
การกำจัดไขมันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์เข้าไปทำลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกดูดซึมออกไปทางระบบน้ำเหลือง
ข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีสลายไขมันเฉพาะจุด
ข้อดีของเทคโนโลยีสลายไขมันเฉพาะจุด ได้แก่
-
เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
-
ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
-
ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
ข้อเสียของเทคโนโลยีสลายไขมันเฉพาะจุด ได้แก่
-
อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
-
ผลลัพธ์อาจไม่ถาวร
-
อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำ รอยแดง บวม เป็นต้น
หลุมสิว คืออะไร ?
การดูแลตัวเองหลังทำสลายไขมันเฉพาะจุด จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น ดังนี้
-
พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายต้องการเวลาในการฟื้นฟูหลังการทำสลายไขมันเฉพาะจุด ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
-
ดื่มน้ำให้มาก การดื่มน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และช่วยให้เซลล์ไขมันที่ตายแล้วถูกขับออกได้เร็วขึ้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
-
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอาจทำให้เซลล์ไขมันที่ตายแล้วกลับมาสะสมใหม่ได้ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณแคลอรี
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วน ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
-
สวมชุดรัดรูป การใส่ชุดรัดรูปจะช่วยกระชับผิวและช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีขึ้น ควรใส่ชุดรัดรูปอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์หลังทำการรักษา
-
ใช้ครีมบำรุงผิว การใช้ครีมบำรุงผิวจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ
-
รับประทานอาหารเสริม รับประทานอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วน เช่น สารสกัดจากชาเขียว สารสกัดจากถั่วขาว กรดอัลฟาไลโปอิก เป็นต้น